เมื่อวานได้ไปดู “หนึ่งใน Talk ที่ดีที่สุดในปี 2025”
VICTIM TO VICTOR: ANNIHILATE EXCUSES TO EFFORTLESSLY DOMINATE YOUR GOALS
โดย Nick Santonastasso
นิคเป็นคนอเมริกัน ที่เกิดมาพร้อมภาวะ Hanhart syndrome ทำให้ไม่มีขาทั้งสองข้างและมีแขนข้างเดียว ความที่เกิดมาไม่พร้อมแต่ยังมีพลังและความมั่นใจในการใช้ชีวิตที่จะสู้ต่อ คือการถ่ายทอดพลังให้ผู้ฟัง.. ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า “สะกด” ผู้ฟังในงานหลายพันคนได้อยู่หมัด
ผมเดินเข้าไปในช่วงที่นิคกำลังเล่าเรื่องช่วงเด็กของเขา เขาบอกว่าการที่เกิดมาแล้วไม่มีแขน ขา ครบ เหมือนคนอื่นเขา ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของนิคต้องตัดสินใจในโอกาส 30% ที่เขาจะมีสิทธิ์ “รอดชีวิต”
คุณพ่อคุณแม่นิคพูดกับเขาว่า … “ไม่เป็นไร ..เขาจะเป็นแขนและขาให้ก็เด็กคนนี้เอง”
เวลาผ่านไป คุณพ่อคุณแม่ของนิคแก่ตัวลง นิคพูดกับเขาทั้งสองว่า
“ไม่เป็นไร ผมจะเป็นแขนและขาให้กับคุณพ่อคุณแม่เอง”
… อย่างเท่….
นิคยังพูดให้เราได้เปลี่ยนมุมมอง ความคิด ไม่ว่าจะเป็น..
“You don’t get the life you had you get the life you focus on”
ชีวิตของเราจะเป็นตามสิ่งที่เราโฟกัส…เพราะอดีตจะไม่หวนคืนมา แต่สิ่งที่เราเลือกจะใส่พลังและความสนใจลงไป มันจะค่อย ๆ ก่อร่างเป็นชีวิตปัจจุบันและอนาคตของเราเอง
หรืออย่าง..
“Focus on life you can control”
ประโยคเรียบง่าย แต่เตือนใจทุกคนในฮอลล์ว่า “อย่างมัวเสียเวลากับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้”
ขณะที่นิคก็พูดต่อว่า..
“Successful people dont give energy tower undesirable outcome, they only give energy to desirable outcome”
คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่เสียพลังไปกับผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ พวกเขาจะทุ่มพลังให้กับผลลัพธ์ที่ต้องการเท่านั้น
ความจริงผมชอบหลาย ๆ part ใน talk นี้..
นิคบอกว่า ผู้คนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต่อเมื่อมีเหตุสองอย่าง..
หนึ่งคือ Pleasure
สอง คือ Pain
แต่คนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนเพราะอย่างหลัง..
นั่นคือเหตุผลว่า “ทำไมเราจึงไม่อยากออกกำลังกาย จนกว่าหมอจะบอกว่าสุขภาพคุณกำลังวิกฤต หรือโรคภัยเริ่มถามหา”
….
แต่สุดท้าย ท้ายสุดที่ชอบจริง ๆ และตั้งใจจะเขียนให้อยู่ท้ายสุดด้วย (เผื่อใครอ่านมาถึงตรงนี้ ผมถือว่าเป็นรางวัลที่ดีมาก ๆ สำหรับคนอ่านยาว..)
นิคบอกว่า.. (และอยากลองให้ทุกคนทำตามนะครับ)
ให้หลับตาลง..
แล้วจินตนาการ..
ว่าคุณได้เดินทางกลับไปที่ห้องนอนของตัวคุณเองตอนอายุ 7-10ขวบ..
คุณเห็นเค้าแล้ว..
คุณจะบอกอะไรเค้า..
“ขอโทษ..ขอบคุณ..”
อยากเล่าอะไรให้เขาฟัง..
….
ณ โมเม้นต์นั้นที่ นิค บอกให้ทุกคนในฮอลล์ได้ทำ ส่วนตัวผมรู้สึกปิติมาก (ไม่ได้ใช้คำนี้มานาน) รู้สึกว่า “เออเน๊อะ ช่วงเด็ก ๆ ที่เราสงสัยตลอดว่า เรียนไม่เก่งแล้วจะรอดไหม ทำการบ้านไม่ทันโดนตี ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร.. ความกังวล ความไม่แน่นอนต่าง ๆ บัดนี้ ตัวเราในปัจจุบันได้ย้อนกลับไปให้คำตอบแล้ว..
เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ
ไว้ลองดูครับ
ลองทำดู
นั่งนิ่ง ๆ
แล้วนึกดู
แล้วคุณจะพบกับความปิติเช่นเดียวกันกับผม..
