นั่งเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก หัวหน้าบอกให้ไปหาไอเดียใหม่มาก็ไม่รอด มาดูกันว่าอยากได้ไอเดีย อยากคิดให้ออกต้องทำไง..
ผมขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ จะได้ลองไปใช้กันได้ง่าย ๆ นะครับ
กลุ่ม 1 คือ “อยากได้ไอเดียทันที”
กลุ่ม 2 คือ “ยังพอมีเวลาอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์”
กลุ่ม 3 คือ “สร้างฐานให้มี Creativity ระยะยาว”
อ่ะมาดูกัน..
ย้ำว่านี่มาจากประสบการณ์ตัวเองล้วน ๆ เพื่อน ๆ มีเทคนิคเพิ่ม คอมเม้นต์กันมาได้ครับ (เผื่อนำไปใช้บ้าง)
กลุ่ม 1: อยากได้ไอเดียทันที..
- จับโจทย์ให้ชัด ผลลัพธ์ให้เคลียร์
คืองี้ บางทีไอเดียไม่เข้าเป้า ไม่ใช่ว่าไอเดียไม่ดี แต่ว่าโจทย์ไม่ชัด ผลลัพธ์ไม่เคลียร์ หัวหน้าบอก “อยากได้ไอเดียดี ๆ ไปคิดมาหน่อย” อันนี้คือไม่ชัดสุด ๆ “ไอเดียดี” ของหัวหน้าแปลว่าอะไร? ต้องชัดเจน เช่น “อยากได้ไอเดียที่ไม่เหมือนเดิม, ไอเดียที่เจาะกลุ่ม target ใหม่, ไอเดียที่จะลดต้นทุน”
จากนั้นก็ไปเคลียร์มาอีกว่า target ใหม่เป็นอย่างไร, ลดต้นทุนคือเท่าไหร่
โจทย์ชัด จะตัดสินได้ว่า ไอเดียไหนดีหรือไม่
- เลือกคนที่เข้าใจและมีความรู้ด้านนั้น
เพราะคนที่รู้และเข้าใจ จะคิดได้ไวกว่า ถ้าเราไม่รู้ แต่ได้รับโจทย์มา งั้นก็ต้องหาความรู้เพิ่มอย่างรวดเร็ว คุณไม่มีทางคิดไอเดียได้ดีถ้าคุณไม่เข้าใจในโจทย์
ถ้าเป็นหัวหน้า อยากได้ไอเดียจากน้องในทีม ให้เลือกมาว่าคนไหนที่เข้าใจในสินค้าและโจทย์ของเรามากที่สุด คนนั้นจะช่วยได้ดี
- แต่ไม่ลืมคนที่คิดนอกกรอบ!!
คนที่ไม่มีความรู้ ไม่ได้หมายความว่าจะคิดไม่ได้ แต่ไอเดียเค้าจะนอกกรอบ จะฟุ้ง หรืออาจจะออกทะเลไปเลย ซึ่งนั่นหมายความว่า “ดี” และ “ไม่ดี” ด้วยเหมือนกัน ดังนั้น มีอะไรที่ออกทะเลมาผสมบ้างก็ดี แต่ไม่ต้องมาก เดี๋ยวไม่จบ.. ซัก 20% ก็พอ
- เลือกคนที่ชอบคิด!!
ใน Strength Finder จะมีการวัดผลที่บอกว่า คนบางคนมีจุดแข็งคือชอบคิด ถ้าเลือกคนเหล่านี้มาได้จะเวิร์คมาก เพราะบางคนเป็นสายทำงาน สาย task killer อาจจะไม่มี skill ด้านนี้มาก ถ้าอยากได้ไอเดียเร็ว ต้องเลือกคนให้ถูก
- ใช้เทคนิค Brainstorm
มีหลายเทคนิค แต่ขอแนะนำเทคนิคที่ใช้ได้ง่าย ๆ เช่น..
5.1 ปากกาสำหรับผู้มีสิทธิ์พูด: ใครถือปากกา คนนั้นต้องพูด แล้วสลับกันถือ ข้อดีจะทำให้คนไม่พูดได้พูด และจะทำให้คนที่พูดมากเกินไปหยุดพูดแทรกคนอื่น
5.2 จำลองว่าฉันเป็นคนอื่น: “ถ้าเป็นอีลัน มัคก์ เขาน่าจะคิดแบบนี้…” หรือ “ถ้าเป็นหัวหน้า เขาน่าจะแก้ปัญหาแบบนี้” วิธีนี้เป็นการออกไอเดีย โดยไม่ต้องเอาตัวเข้าแลก คือบางองค์กรคนในองค์กรไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่าจะโดนหาว่าไอเดียไม่เอาไหน ดังนั้นการจำลองว่าเป็นคนอื่นจะทำให้คนกล้าพูดมากขึ้น
5.3 แปะ Post it แบบไม่บอกตัวตน: เช่นเดิม อยากให้ทุกคนออกไอเดีย แต่ไม่อยากถูกตีตราว่าเป็นคนไอเดียไม่ดี หรือไอเดียไม่ได้รับเลือก ดังันั้นให้เขียนไอเดียไว้บน Post it แล้วแปะรวม ๆ กัน จากนั้นให้เลือกไอเดียที่คิดว่าดี วิธีนี้จะทำให้ทุกคนกล้าออกความเห็น และไม่กลัวที่จะโดนปัดตก
5.4 ไล่ 4W 1H, What Where When Why How: บางทีเราคิดไม่ออกเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก ให้ไล่ว่า เราจะทำอะไร ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำทำไม และทำอย่างไร ไล่ไปทีละข้อ จะช่วยจัดลำดับความคิดที่วุ่นวายได้
….
มากลุ่มที่ 2 บ้าง กลุ่ม 2 คือ “ยังพอมีเวลาอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์”
- หาข้อมูลเพิ่ม ถามเพื่อน
อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่า คนที่มีความรู้ในเรื่องนั้น จะคิดได้ดีกว่า ดังนั้นถ้าเราไม่รู้ ก็จงออกไปหาข้อมูลเพิ่ม อย่ามัวแต่ถามแค่ chatgpt โว้ววว.. และบางทีคนที่รู้ก็อาจจะไม่ได้อยู่ในวงคนทำงาน แต่อาจจะเป็นเพื่อนนอกที่ทำงานก็ได้ ลองนัดเพื่อนคุย พี่ ๆ ที่รู้จักคุย งานนี้ล่ะ ไอเดียเพียบ!!!
- ทิ้งเวลาหาแรงบันดาลใจ
ผมเคยทำงานในต่างประเทศ ตอนนั้นคิดงานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก หน้ายุ่งหัวยุ่งไปหมด เจ้านายผมเดินมาแล้วบอกว่า “you should go home” บอกให้กลับบ้านเฉย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะบ่าย 3 แต่เราก็กลับ แล้วก็ไปเดินเล่นห้างฯ
ความ relax จะทำให้ไอเดียไหลออกมาได้เฉย เหมือนตอนที่เราอาบน้ำแล้วคิดงานออก เพราะว่านั่นคือช่วงเวลาที่เรา relax ที่สุดแล้ว no distraction ใด ๆ ไม่มีมือถือ ไม่มีอะไรรบกวน
- จดแล้ว บ่ม
ผมเชื่อว่าไอเดียดี ต้องดีตลอดไป.. ดังนั้นเวลาคิดอะไรออกมาได้ ผมจะไม่รีบบอกคนอื่นว่าคิดอะไรได้บ้าง เพราะบางทีวันนี้มันดูดี แต่อีกวันอาจจะไม่แล้ว ดังนั้นถ้ามีเวลา ผมจะ “บ่ม” ก่อน
ทิ้งไว้ 2-3 วัน ถ้าเรายัง “จำได้” แปลว่าเห้ยมันเจ๋งว่ะ ฝังใจ ประทับใจ จำได้ แต่ถ้า 2-3 วันแล้วลืม แปลว่ามันไม่ดีจริง เราคิดเองยังลืม
และถ้า 2-3 วันแล้วเรายังเห็นว่า “เออมันดี!” นั่นแหละ ค่อยไปลองคุยกับคนอื่นดู
จำได้ว่าเคยอ่านว่า เสี่ยตัน พูดว่า เวลาเค้าคิดชื่อแบรนด์ใหม่ เค้าจะคิดแล้วทิ้งไว้ 2-3 วัน ถ้าผ่านไปแล้วเค้ายังจำชื่อนั้นได้ แปลว่ามันดี มันจดจำง่าย มันตรึงใจ
- Worst case scenario
บางคนคิดไม่ออก หรือไม่กล้าคิดอะไรใหม่ ๆ เพราะว่า “กลัว” กลัวจะผิดจะพลาด ผมมีเทคนิคนี้ครับ
ให้คิดถึง “สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นถ้าทำเรื่องนี้” เช่น ถ้าทำไปแล้วแย่ที่สุดคือ ขาดทุน 10,000 บาท .. ซึ่งรับได้นะ โอเค งั้นก็ทำไปเล้ยยย!! แต่ถ้าทำแล้วแย่สุดอาจจะต้องโดนไล่ออกจากงาน!! เห้ยย งั้นหยุดไว้ก่อน
วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่า เรากำลังเล่นอยู่กับอะไร ถ้าความเสี่ยงไม่แย่มากนัก เราก็จะกล้าคิดกล้าทำครับ
- เลิกคิดลบ จบอคติ
บางทีคิดไม่ออกเพราะว่าอคติมันเยอะ!! แบรนด์นี้เค้าภาพลักษณ์ไม่ดี เราจะไปคิดงานให้เค้าได้ไง.. งบเค้าน้อยจะทำของดีได้ไง.. จริงอยู่ เรื่องพวกนี้เป็นกรอบที่เราต้องมองให้เห็นจะได้ไม่ออกนอกกรอบเลอะเทอะเกินไป แต่ต้องยอมรับว่า เพราะกรอบเล่านี้ก็อาจจะทำให้เราคิดอะไรไม่ออกได้ด้วยเหมือนกัน
ลองลบอคติดูก่อน เพราะความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่เอาไว้สร้างสิ่งใหม่อย่างเดียว แต่ไอเดียที่ดีต้องแก้ไขปัญหาเก่า ๆ ได้ด้วยครับ
….
ต่อกันที่ กลุ่มที่ 3 คือ “สร้างฐานให้มี Creativity ระยะยาว”
- ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ผมพูดบ่อยมากเวลาไปบรรยายว่า “สมองเราก็เหมือนตู้เย็น” ในตู้เย็นบ้านเรามีกับข้าวอะไร เราก็จะทำเมนูอาหารได้ตามนั้น ถ้าในตู้เย็นมีแต่ไข่ ก็ทำได้แค่เมนูไข่ แต่ถ้ามีผัก มีเนื้อ ก็จะทำได้หลากหลายขึ้น
คนส่วนใหญ่คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่เคยเปิดโลก ไม่เคยมองเห็นอะไรกว้าง ๆ ใหม่ ๆ มันก็จะคิดได้แค่เท่าที่รู้ที่เห็น แม้จะดูคลิปมามาก ก็ไม่เท่ากับไปสัมผัสเอง
ไม่ต้องถึงกับไปเที่ยวต่างประเทศทุกเดือน แค่ลองไปเจออะไรใหม่ ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปลองวิ่ง 10กิโล, ไปลองดำน้ำ, ไปลองเรียนจัดดอกไม้ ฯลฯ
เชื่อผมว่า แม้มันจะไม่เกี่ยวกับงาน เดี๋ยวมันจะเป็นวัตถุดิบที่ดี เป็นกับข้าวที่ดีในตู้เย็นสมองของคุณเองแหละ
เพราะความคิดสร้างสรรค์คือการสร้างสิ่งใหม่โดยการผสมจากวัตถุดิบเดิม
- โฟกัส ๆๆๆๆๆ
เชื่อเลยว่าคุณคิดได้เยอะกว่าที่ตัวเองรู้ซะอีก แต่บางทีเราไม่เคยมีสมาธิ
ลองฝึกอะไรพวก Pomodoro 25นาที โฟกัส เทคนิคดู เชื่อว่าคุณจะได้ของออกจากหัวได้เยอะมาก ๆ หรือลองฝึกนั่งสมาธิดูก็ได้ การฝึกแบบนี้เรื่อย ๆ จะทำให้คุณโฟกัสได้มากขึ้นไปอีกมาก ๆ เลย
อ่ะ ครบจบแล้ว
จริง ๆ มีอีกเพียบที่อยากจะเล่า
ถ้าชอบก็แชร์ได้ครับ
หรือจะแชร์ save เก็บไว้ก็ได้ (รู้ว่าจำได้ไม่หมดหรอก)
ถ้ามีใครเอาไปใช้แล้วเวิร์คก็บอกได้นะครับ
และถ้าใครมีเทคนิคอื่น ๆ อีกก็มาคอมเม้นต์ได้เช่นกันครับ
