เพราะการได้รู้จักตัวเองทำให้ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ [Life Story]

โพสนี้สำหรับคนเรียนไม่เก่ง หรือใครที่มีคนรอบตัวเรียนไม่เก่ง

เพราะการได้รู้จักตัวเองทำให้ชีวิตผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

จากเด็กที่เรียนไม่เก่ง ไม่เก่งมาก ๆ ตอนประถมโดนคุณครูตีหน้าเสาธง ตอนมัธยมต้นสอบได้เกรดเฉลี่ย 1.6-1.8 เข็นยังไงก็ไม่ขึ้น เรียนพิเศษก็แล้ว อ่านหนังสือก็ใช่ว่าจะไม่อ่านนะ อ่านทุกคืนถึง 4-5 ทุ่ม เช้าตื่นตี 4 ออกจากบ้านตี 5 ถึงโรงเรียน 6 โมง ไปนั่งตรวจการบ้านกับเพื่อนต่อ (แต่บางทีก็ไปลอกการบ้านหรือเอาการบ้านไปให้เพื่อนลอก)

แต่เรียนยังไงก็ไม่รุ่ง เรียนจนท้อ

ท้อถึงขนาดถามพี่สาวว่า “ไม่อยากเรียนแล้ว ถ้าจบ ม.ต้นไป มีอะไรที่ทำให้ไม่ต้องเรียนบ้าง อยากออกไปทำงานเลยได้ไหม”

เพราะตอนนั้นคิดว่า ความผิดมันอยู่ที่เราเองนั่นแหละ อาจจะอ่านหนังสือไม่ตรงจุด เรียนไม่ตั้งใจมากพอ หรือสมาธิไม่ดีไหม?

แล้วคิดต่อไปว่า ถ้าไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยน่าจะไม่รอดแน่

พี่สาวให้มาสองตัวเลือก

“ถ้าแกไม่ไปเรียนพาณิชย์ ก็ไปเรียนช่างกล”

โอเค เลือกง่ายมาก ช่างกลหลบเหล็กฟุตไม่ทันแน่ เห็นตีกันทุกวัน หน้าอย่างฉันจะเอาอะไรไปสู้เขา ดังนั้น “บัญชี” เท่านั้น!!! กะว่าเรียนจบ 3ปี หางานทำเลย พอ!! พอกันที การศึกษา!!!!

ให้ทายว่าเข้าไปเรียนบัญชีแล้วเป็นยังไง…

พังยับกว่าเดิม..​ เรียนไม่รู้เรื่อง ไหนเครดิต ไหนเดบิต ไหนเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ค้างจ่าย … คือจริง ๆ ก็พอไปรอดนะ แต่เหนื่อยมาก

จนกระทั่ง…

ผมมาสังเกตตัวเองว่าชอบวาดรูป ชอบลงสี ตอนนั้นออกแบบเข็มกลัดแจกเพื่อน แต่ไม่ได้วาดภาพเหมือนนะ วาดออกแนวดีไซน์ จากที่เราเห็นตามโฆษณาต่างประเทศ ผมชอบดูหนัง แล้วก็ชอบดูโปสเตอร์หนัง ชอบดูการออกแบบ ชอบฟังเพลง music score

วันหนึ่งผมก็ถามว่า ภาพแบบโปสเตอร์นี่เขาเรียกว่าอะไร?”

ใครไม่รู้ จำไม่ได้ ตอบผมว่า “เค้าเรียกว่างาน Graphic Design”

นั่นไง ใช่เลย มันมีอาชีพนี้อยู่จริง ๆ

แต่พี่สาวผมบอกว่า ณ ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่มีสอนคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ต้องไปเรียนต่างประเทศเท่านั้น โชคดีที่ผมมีพี่สาวอีกคนอยู่ต่างประเทศ ผมเลยคุยกับพี่ว่า..

“จะไปหานะ จะไปเรียน Graphic Design”

จากนั้นชีวิตผมมีเป้าหมายทันที กราฟฟิกดีไซน์นี่แหละ คือสิ่งที่ฉันจะทำ!! ผมรีบไปสอบเทียบ (คือสอบได้จะจบ ม.6 ทันที) หลังจากสอบได้ ก็เดินไปบอกเพื่อนเลยว่า “เราไปแล้วนะ” แล้วก็บินไปเลย… เพื่อนคืองง มึงเรียนสองปี ยังไม่ทันจะสนิทก็จากไปซะแล้ว

พอได้เรียน Graphic Design เกรดเฉลี่ยผมจากเดิม 1.8 เพิ่มขึ้นกลายเป็น 3.9-4.0 คือได้ A เกือบหมดทุกตัว ตั้งแต่วิชา Typography, Illustration, Desktop Publishing, และอื่นๆ อีกมากมาย

ผมสนุกจนนั่งทำการบ้านได้ตั้งแต่กลับถึงห้องยัน 6โมงเช้า นอนนิดหน่อยแล้วไปเรียนต่อ

วิชา Advertising อาจารย์ให้คิด 20ไอเดียใน 1 วัน ผมคิดไปเลย 30

การเรียนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมอีกต่อไป มันคือการได้ทำในสิ่งที่ผมชอบทำ ผมสนุก และผมไม่รู้สึกว่าผมต้องเรียนอีกเลย

และสุดท้าย Graphic Design คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพ ทำให้ผมได้มีโอกาสทำงานในต่างประเทศ กับ CNN, กับ Martha Stewart กับรัฐบาลอเมริกา (ผ่านบริษัทคนเลบานอนที่เคยเล่าให้ฟัง) จนกระทั่งเปิดบริษัทของตัวเองในวันนี้

การได้ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองชอบ ตัวเองถนัด หรือจะเรียกว่าเป็นจุดแข็งนั้นผมว่าสำคัญมาก ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีจุดแข็ง ลองสังเกตดู บางคนจำตัวเลขแม่นมาาากกกก บางคนเรียนภาษาได้ไวมาก บางคนวาดรูปเก่งมาก แต่บางคนคำนวนเลขยังไงก็ช้ากว่าเพื่อน ดูแผนที่ยังไงก็หลง ร้องเพลงกี่ทีก็เพี้ยน

ผมเชื่อว่าเราทุกคนเป็นรถ F1 ในแบบของตัวเอง เพียงแต่ว่าวันนี้เรากำลังวิ่งอยู่บนพื้นดินแบบไหน เราอาจจะเป็น F1 ที่กำลังวิ่งอยู่บนโคลน หรือวิ่งอยู่บนถนนขรุขระ บนสนามหญ้า หรือถ้าโชคดี คุณอาจจะเป็น F1 ที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามแข่งพื้นเรียบ ๆ ใช้พลังของคุณได้เต็มที่

คำถามที่ผมพบบ่อยคือ…

“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราถนัดเรื่องอะไร”

คำตอบของผมคือ..

“ให้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ให้มากครับ”

เพราะการได้ทำสิ่งใหม่ คุณจะได้รู้จักเรื่องราวใหม่ ๆ

วันนี้คุณอาจจะกินแต่ข้าวกระเพรา คุณว่านี่คือเมนูที่ดีมากแล้ว แต่ถ้าคุณได้ลองราดหน้า ผัดไท ต้มยำ คุณอาจจะพบว่า “เห้ย มันมีสิ่งอื่นที่เราชอบมากกว่า”

และถ้าคุณคิดว่าคุณชอบต้มยำมากกว่าแล้ว ลองไปกิน สปาเก็ตตี้, ลาซานญ่า, ซูชิ, อูด้ง, แฮมเบอร์เกอร์ แล้วคุณก็อาจจะเจอสิ่งที่ดีขึ้นไปอีก หรืออาจจะค้นพบสิ่งที่แย่กว่าก็ได้ไม่แปลกอะไร

ปล. ทั้งนี้ผมไม่ได้บอกว่า “ถ้าเรียนไม่เก่ง งั้นก็ไม่ต้องเรียน!”

ส่วนตัวผมก็ยังเชื่ออยู่นะครับว่า ความขยันของผมวันนั้นมันอาจจะมีผิดที่ผิดทางอะไรซักอย่าง

เพราะเด็ก ๆ บางคนที่คุณพ่อคุณแม่ปูทางว่า “โตขึ้นต้องทำอาชีพนี้ อาชีพนั้น” สุดท้ายเค้าก็ทำได้นะ ทั้ง ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าต้อง “ชอบ” ก่อนรึเปล่า หรือเค้าอาจจะทำได้โดยไม่ต้องชอบก็ได้

หรือความถนัดของบางคนอาจจะเป็น “ถนัดเรียน” ก็เป็นได้

แต่ทั้งนี้ ถ้าลูก ๆ หลาน ๆ เด็ก ๆ รอบข้างคุณเรียนไม่เก่ง ..

ถือว่าลองวิธีนี้เป็นอีกวิธีดูนะครับ บางทีเค้าอาจจะยังไม่เจอสิ่งที่เขาชอบก็ได้

บางทีที่เค้าอยู่แต่หน้าจอ เพราะเค้าอาจจะยังไม่เจอกิจกรรมนอกจอที่เขาชอบก็เป็นได้

ลองออกไปหาอะไรใหม่ ๆ ทำ

อะไรที่ไม่เคยทำเลย เช่น ไปเรียนดำน้ำ ไปปีนเขา ไปเรียนแล่ปลา ไปจัดดอกไม้ ฯลฯ คือไม่ต้องซีเรียสก็ได้

5ปีที่แล้วลูกผมเรียนตีกลอง, ถัดมาก็เรียนวาดรูป, ล่าสุดนี่เรียนช่างไม้ ได้เก้าอี้กลับมาบ้านตัวนึง

ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าได้เจอสิ่งที่คุณชอบ ผมเชื่อว่า “สิ่งนั้นจะพลิกชีวิตคุณครับ”