ผมเริ่มทำงานครั้งแรกในฐานะพนักงานประจำ คือตำแหน่ง Graphic Designer ในบริษัทเขียนโปรแกรม ในวอชิงตัน ดีซี
บริษัทนี้มีเจ้านายเป็นคนเลบานอน 3 คน เป็นพี่น้องกัน
คนหนึ่งโหดเคี่ยวเรื่องเงินมาก,
อีกคนเฮฮาสนุกสนาน แวะไปทักทายทุกโต๊ะเมื่อเข้างานยามเช้า,
ส่วนอีกคนเป็นโปรแกรมเมอร์ที่พูดน้อย ผมเห็นแกจะนั่งอยู่คนเดียวในห้องสลัว ๆ ที่เปิดประตูทิ้งไว้
….
คนแรกดูเรื่องเงิน คนที่สองดูเรื่องคน คนที่สามดูเรื่องงาน
คนแรกสอนให้ผมรู้ว่า การเงินไม่ควรรั่วไหล แต่ถ้าต้องจ่ายก็ต้องจ่าย…
แม้ว่าผมเป็น graphic designer คนเดียวในบริษัท และเป็นคนเดียวที่ขอใช้ Mac และเป็นคนเดียวที่ใช้กล้อง อุปกรณ์ส่วนใหญ่จะใช้แชร์กันได้ แต่สำหรับผม ถ้าต้องจ่ายให้ผมทำคนเดียว เขาก็ต้องจ่าย
คนที่สองสอนให้รู้เรื่องการดูแลคน..
วันหนึ่งเวลาประมาณบ่าย 3 ผมนั่งทำงานแต่คิดไม่ออก หน้าตาเคร่งเครียดมาก เจ้านายคนนี้เดินมาแล้วบอกผมว่า “You should go home” เพราะเขารู้ว่า นั่งไปก็ไม่ได้อะไร กลับบ้านไปรีแล็กซ์เหอะ พอผมได้กลับบ้าน ไปเดินห้างฯ สมองผ่อนคลาย ผมก็คิดงานออก เลิฟเลย
คนที่สามสอนให้รู้ถึงคุณภาพของการทำงาน..
ผมเป็น designer จึงไม่ค่อยได้คุยกับคนนี้ แต่ทีมทั้งหมดกว่า 200 คน เชื่อฟังเจ้านายคนนี้มาก เขาเหมือนเป็นทั้ง leader, product tester, QC ทุกสิ่ง คือเรียกได้ว่า โหดมาก ถ้างานไหนคุณภาพไม่ผ่าน แกแย่แน่!!!
ผู้คนที่นี่รักกันดีมาก พนักงาน 80% เป็นคนตะวันออกกลาง.. ส่วนที่เหลือก็มีเอเชียอย่างผม และคนอเมริกัน ถึงเวลาปาร์ตี้ ก็เมากันหนัก สนุกกันทุกคน
…..
บริษัทที่สอง คือ EWIT บริษัทเล็ก ๆ ย่านอารีย์ มองเข้าไปดูยังไงก็ไม่รู้ว่าเป็นบริษัท เพราะเขาเช่าบ้านสองชั้นหลังเล็ก ๆ ที่มีสนามหญ้าหน้าบ้านไว้จอดรถกันแบบระเกะระกะ
เจ้านายผมมีสามคน (อีกแล้ว)
คนหนึ่งดูเรื่องธุรกิจ.. เดินมาทีไรพวกเราจะกระซิบกันว่า “มาแล้วเมิง” แล้วเค้าก็จะมาตรวจงานว่าไปถึงไหนแล้ว ส่งทันไหม คนนี้จะคอยดูตัวเลข ดูการขาย ออกไปขายงานกับ AE
อีกคนจะดูเรื่อง Creativity คนนี้ชื่อพี่วิชญ์ อะไรแปลก ๆ ล้ำ ๆ มาจากคนนี้เลย innovation ใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ งานของที่นี่พาเราไปไกลกว่าที่คนในประเทศจะเคยทำ
คนสุดท้ายจะนั่งทำงานกับพวกเราเลย พี่เอกจะนิ่ง ๆ คุยขำได้ แต่แกจะเนี๊ยบเรื่องรายละเอียดงานสุด ๆ มองจอกันระดับ pixel ขนาดฟอนต์ผิด ลากเส้นไม่ตรง โดนหมด
คนที่นี่รักกันดีมาก ๆ ช่วยกันทำงาน บรรยากาศพาให้พนักงานออฟฟิศเป็นเพื่อนกันมากกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน
ที่นี่มีอิทธิพลต่อการตั้งบริษัทของผมในเวลาถัดมามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความ “กันเอง”, การทำงานกันแบบเพื่อน, การมองหา creativity อยู่เสมอ, รวมไปถึงการเปิดออฟฟิศเริ่มทำงาน 10โมง (ซึ่งตอนนั้นคุณพ่อผมบ่นว่า ออฟฟิศอะไรของแกวะเริ่มงาน 10โมง เลิก 1ทุ่ม)
…
ผมมีความสุขกับการทำงานทุกที่ มันทำให้ผมไม่รู้สึกว่า ทุกวันมาทำงาน แต่การทำงานคือส่วนหนึ่งของทุกวัน
พอผมเปิดบริษัทเองก็อยากให้บริษัทเป็นอย่างที่ผมเคยอยู่ อยากให้น้อง ๆ ในออฟฟิศได้มีความสุขอย่างที่ผมเคยมี
….
วันนี้ออฟฟิศผมมีพนักงานไม่มาก แค่ 20 คน แต่ทำงานมากกว่า 20 projects เหนื่อย แต่ชอบที่น้อง ๆ สู้มาก เคยบอกน้องว่า ปีที่แล้วยาก.. ปีนี้ยากกว่า และปีหน้าจะโคตรยาก..
แต่ชอบที่น้องสู้
บอกมาเหอะ ลุยไปด้วยกัน
ผมว่าสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด มันไม่ใช่สถานที่.. แต่มันคือ ผู้คนที่อยู่ในสถานที่เหล่านั้น
ถ้ามีคนถามผมว่าบริษัทนี้ทำงานวันไหนบ้าง..
ให้ตอบแบบดี ๆ ก็จะบอกทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์…
แต่ถ้าจะให้ตอบจริง ๆ ก็อยากจะบอกว่า บริษัทนี้ทำงานวันเดียว…
“บริษัทนี้ทำงานวันสุข”
