25ปี rgb72 [Life Story]

ผมเปิดบริษัทนี้มา 25ปีแล้ว.. มันคือวันนี้ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2000..

จุดเริ่มต้นของบริษัทผมไม่ได้ดูเท่ห์เหมือนหลาย ๆ บริษัทที่มีการเปิดตัวยิ่งใหญ่ มีนักลงทุนมากมาย แต่มันเกิดขึ้นเพราะ “ความจำเป็น” แบบ “เร่งด่วน”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ผมอยู่ในฐานะพนักงานเงินเดือนขี้เบื่อ ทำงานอยู่ที่ไหนได้ไม่เกิน 1ปี ลาออกทุกปี ผมจึงรับงานฟรีแลนซ์เป็นประจำเพื่อแก้ปัญหาความเบื่อนั้น เช้า-เย็นทำงานที่ออฟฟิศ กลับมาถึงบ้านทำงานส่วนตัวต่อจนถึงดึก

ผมเป็นดีไซน์เนอร์ งานของผมก็จะเป็นการทำดีไซน์ ออกแบบกราฟิก ออกแบบเว็บไซต์

แต่งานฟรีแลนซ์ในยุคนั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับเหมือนสมัยนี้ เพราะความที่เป็น”ตัวคนเดียว” จึงทำให้หลายบริษัทในยุคนั้นไม่เชื่อถือในคำว่า “ฟรีแลนซ์”

ผมได้รับโอกาสเข้าไปฟังบรี๊ฟงานใหญ่หนึ่งงาน ชื่อชั้นบริษัทที่ว่านั้นยิ่งใหญ่สำหรับผมมาก แน่นอนว่าผมตื่นเต้นเป็นพิเศษ การจะได้โปรเจคใหญ่ ๆ สำหรับฟรีแลนซ์ตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย..

และมันก็ไม่ง่ายจริง ๆ

หลังจากลูกค้าดูผลงานที่ผ่านมาของผมแล้ว ลูกค้าดูเหมือนจะชอบใจ แต่เขาถามประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินเลย นั่นคือ..

“คุณเก่งนี่เป็นรูปแบบบริษัทรึเปล่าคะ?”

ผมสตั้น..​แล้วนึกในใจว่า.. ทำไมล่ะ!? ถ้าไม่เป็นบริษัทคือจะไม่ให้งานงั้นหรอออออ!?

ยังนึกไม่ทันจบดี ลูกค้าก็พูดสวนความคิดผมขึ้นมาว่า

“คือของเราเนี๊ยะ ต้องจ้างเฉพาะบริษัทเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถจ้างเป็นบุคคลได้”

“อ่อครับ..”

“คุณเก่งมีบริษัทไหมคะ?”

ให้ทายว่าผมตอบว่าอะไร….

แน่นอน.. ผมตอบว่า..

“มีครับ!”

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของบริษัทผมครับ..

หลังจากวันนั้น ผมกลับไปนอนคิดชื่อบริษัทอยู่ 3 คืน และเมื่อคิดได้ ก็วิ่งไปจดทะเบียนในวันถัดมา

ได้ชื่อบริษัท “RGB72”

ลูกค้าบางคนถามว่า.. 72 นี่มาจากไหน? อายุเจ้าของ? ปีเกิดเจ้าของ? ปีเกิดบริษัท??

คนที่ทำงานสาย digital จะรู้ว่าถ้าพูดถึงความละเอียดหน้าจอ 72dpi คือเลขที่คุ้นเคย

ส่วน RGB นั้นมาจากแม่สีในหน้าจอเช่นกัน หมายถึงสี Red Green Blue ด้วยความหมายของทั้งสองสิ่งนี้่ เรากำลังจะบอกทุกคนว่า “เราจะทำงานบนหน้าจอเท่านั้น!!”

“ไม่เผื่อทำสิ่งพิมพ์หน่อยเลยหรอ?” พี่ผมถาม

“งี้ถ้าจะทำสิ่งพิมพ์ไม่ต้องตั้ง CMYK300 หรือไง!!??”

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก รู้แต่ว่า เออ!! ฉันจะทำแต่งานดิจิตัล!!!

โมเม้นต์ ณ ตอนนั้นรู้แต่ว่า “ฉันอยากทำงาน ฉันอยากได้งาน ฉันจะไม่ยอมให้อะไรก็ตามที่มาขัดขวางการได้ทำงานที่ฉันอยากทำ!!!

ชื่อ RGB72 ดูแปลกตาหลายคน แต่เชื่อไหมว่าวันหนึ่งมีคนบอกว่า เขาได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อบริษัทเขา จากบริษัทผม

คน ๆ นั้นคือหนึ่งในเจ้าของบริษัท 425degree

เงินก้อนแรกที่ได้มาในชื่อบริษัทนั้นไม่มากครับ ประมาณ 1แสนบาท

ผมคุยกับเพื่อนที่ทำด้วยกันว่า เรารับเงินเดือนกันคนละ 15,000 สองคนก็ 30,000… ภายใน 3 เดือน เราต้องหางานใหม่ งานเพิ่มให้ได้ ไม่งั้นเราเจ๊งแน่..

ทั้งนี้เราก็คิดว่า ถ้ามีเวลาตั้ง 3 เดือน แล้วยังหางานใหม่ไม่ได้จริง ๆ เราก็สมควรจะเจ๊งแล้วล่ะ

เพราะเริ่มต้นแบบนี้ จึงทำให้เราเป็นบริษัทที่ไม่มี “เงินทุน” ไม่มีเงินกู้ และไม่เคยกู้เงิน จนถึงวันนี้ต้องบอกว่าผมเป็นคนกู้เงินไม่เป็น

ผมตั้ง challenge ในการหาลูกค้ากับเพื่อนว่า “เป้าหมายเราคือ เราต้องเห็นโลโก้ลูกค้าเราทุก 5นาทีที่ขับรถ” แล้วเราก็ทำได้จริงในระดับนึง

เงินแสนในวันนั้น กลายเป็นเงินเพิ่มขึ้นอีกหลายหลักในเวลาถัดมา ตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นธรรมดาของธุรกิจ มีช่วงดี มีช่วงร้าย มีช่วงบวก มีช่วงลบ

จากวันนั้นทุกอย่างก็เนิ่นนานมาถึง 25ปี

ผ่านชีวิตการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใคร ๆ ว่าพบเจอผู้คนมากมายแต่กลับโดดเดี่ยว เพราะทุกวันคุณเจอคนมากหน้าหลายตา พาร์ทเนอร์ ลูกค้า ฯลฯ แต่สุดท้ายเมื่อมีปัญหาคุณต้องอยู่คนเดียว เครียดคนเดียว เพราะคุณไม่สามารถเดินไปบอกลูกน้องได้ว่า “กูเครียดว่ะทำไงดีวะ”

ผ่านชีวิตที่เดิมเป็นพนักงาน ทุกเดือนการันตีเงินเข้า และพอเป็นเจ้าของกิจการ ทุกเดือนการันตีเงินออก

ผ่านชีวิตการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใคร ๆ ว่ามีอิสระแต่กลับโดนกักขัง คุณเลือกได้ว่าบริษัทจะไปทิศทางไหน คุณเลือกได้ว่าวันนี้จะเข้าออฟฟิศหรือไม่ แต่คุณไม่สามารถจะลาออกจากบริษัทได้

จากเดิมลาออกจากบริษัท “ทุกปี” ไม่เคยทำงานอยู่ที่ไหนได้นานเกินปี แต่พอมีบริษัทตัวเอง ลาออกไม่ได้มา 25ปีแล้ว

แต่ผมมีความสุขดี

มีความสุขที่ได้ทำงานให้ลูกค้าที่เห็นคุณค่าของเรา

มีความสุขที่ได้ทำงานกับทีมงานที่ทรงพลัง

และมีความสุขที่ได้เจอเพื่อน เจอ network ใหม่ ๆ

เดินต่อไปในปีที่ 26

สุดท้าย

เชื่อไหมว่า ตอนเปิดบริษัทได้ 5ปี ผมเคยไปยกช้างที่ศาลหลักเมืองว่า “ถ้าบริษัทอยู่ได้เกิน 10ปี ขอให้ยกช้างขึ้น” จนถึงวันนี้อยากจะบอกว่า “คำทำนายของท่าน ช่างแม่นจริง ๆ ครับ

สาธุ…”

Up Next:

เพราะการได้รู้จักตัวเองทำให้ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ [Life Story]

เพราะการได้รู้จักตัวเองทำให้ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ [Life Story]