ตั้งเป้าหมายต้นปี 2021 ให้เป็นไปได้แบบ S, M, L

ตั้งเป้าหมายต้นปี 2021 ให้เป็นไปได้แบบ S, M, L

ถึงเวลาปลายปีทีไร ทุกคนก็มักจะตั้งใจวางแผนสำหรับต้นปีหน้า

ปี 2020 propionato de testosterona legal en espaa ที่ TIME แมกกาซีนเขียนไว้อย่างชัดเจนและเชื่อว่าทุกคนต้องเห็นด้วย คือการบอกว่าปี 2020 เป็น “The Worst Year Ever!”

แต่การที่เราจะมองว่าเป็นปีที่แย่แล้วเราจะหยุดนิ่งไม่ทำอะไรต่อเลยก็น่าจะเป็นหนทางของผู้แพ้ ส่วนผู้ที่ตั้งใจจะชนะ ก็ต้องลุยต่อไป!

วันนี้อยากจะมาแชร์วิธีการตั้งเป้าหมายแบบสนุก ๆ และเป็นไปได้

Buy Oral Steriods

ทั้งนี้อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการทบทวนตัวเอง

มนุษย์เราทุกคนล้วนต้องมีเป้าหมาย เหมือนการเดินทาง ถ้ารีบขับรถออกจากบ้านแล้วไม่รู้จะไปกินข้าวที่ไหน เราก็จะขับแบบเป๋ ๆ งง ๆ ต่อให้ขับเร็วขนาดไหนก็ไปไม่ถึงจุดหมาย เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าจุดหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร และสุดท้ายแล้วเราอาจจะจบที่ร้านอาหารอะไรก็ไม่รู้ ที่กินแบบขอไปที

คนเดินช้าแต่เดินทางแบบมีจุดหมายอาจจะถึงเส้นชัยก่อนคนขยันที่วิ่งวนไปวนมา

ดังนั้น ดีที่สุดคือการตั้งเป้าหมาย และวันนี้อยากจะมาสอนวิธีการตั้งเป้าหมายแบบ “S, M, L” กันครับ

เริ่มด้วยขั้นตอนที่ 1 แบ่งกระดาษออกเป็นสามช่อง

เริ่มด้วยการหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่น พับให้เป็นสามตอน จากนั้นขีดเส้นแบ่งกั้นตรงจุดที่พับแล้วเขียนที่หัวกระดาษในแต่ละช่องว่า S, M และ L ดังภาพ

** แต่ถ้าใครไม่อยากพับ ผมมีทำเป็นไฟล์ PDF ไว้ให้ดาวน์โหลดกันได้ที่ link นี้ครับ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdx9X57nLyiHkg0WpBc8ChHF6LN2RZifhTEzRY5x6so9xq80g/viewform

จากนั้นขั้นตอนที่ 2 ให้เขียน “เป้าหมาย” ของเราลงไป โดยที่..

ช่อง S คือ SMALL หรือเป้าหมายระยะสั้น ระดับ 6 เดือน ถึง 1 ปี

ช่อง M คือ Medium หรือเป้าหมายระยะกลาง ระดับ 1 ปี ถึง 2 ปี

ช่อง L คือ Large หรือเป้าหมายระยะไกล ระดับ 2 ปี ถึง 5 ปี หรือมากกว่าไปเลย

ทั้งนี้อยากให้เขียนให้ได้ช่องละ 10 เป้าหมาย รวม ๆ แล้วน่าจะได้ทั้งหมด 30เป้าหมาย

ดังภาพ..

ทั้งนี้เป้าหมายของเราจะเป็นอะไรก็ได้ ที่เราใฝ่ฝันเลย ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องซีเรียสจริงจัง อาจจะเป็นเรื่องทั่วไป หรือไร้สาระก็ได้ เช่น ครั้งหนึ่งผมเคยไปทำเวิร์คช็อปนี้กับน้อง ๆ ทีมหนึ่ง แล้วหนึ่งในเป้าหมายขนาด S ของเขาคือ “อยากดูซีรีย์สใน Netflix ให้หมด 10 เรื่อง” หรือเจอเป้าหมายอย่าง “อยากมีแฟนต่างชาติ” แบบนี้ก็ได้เช่นกัน

ส่วนตัวผมตอนเป็นวัยรุ่นเคยตั้งเป้าหมายขนาดใหญ่ไว้ก็คือ “อยากมีรถ BMW” อย่างนี้เป็นต้น

กำชับนิดนึงว่า เป้าหมายต่าง ๆ ที่เราตั้งไว้ “ต้องวัดผลได้” เช่น ถ้าอยากลดน้ำหนัก ต้องไม่บอกว่า “อยากลดน้ำหนัก” แค่นี้ แต่ต้องบอกไปเลยว่า “อยากลดน้ำหนัก 10 กก.” หรือถ้าอยากรวย ก็ต้องบอกเลยว่า “อยากมีเงินเก็บให้ได้ 1 ล้าน” แบบนี้เป็นต้น

การกำหนดเป้าหมายพร้อมตัววัดผลจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดยิ่งขึ้นว่า เราทำสำเร็จแล้วหรือยัง

** อ่านถึงตรงนี้แนะนำให้หยุดก่อนนะครับ แล้วลองไปทำตามที่ได้บอกไว้ก่อนเลย เมื่อทำเสร็จแล้วให้มาอ่านต่อครับ **

เอาล่ะ ทีนี้หลังจากที่ทุกคนได้มา 30 เป้าหมาย (หรือมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้) ทีนี้เรามาถึงเวลาทำขั้นตอนที่ 3

ขั้นตอนที่ 3 คือการ “คัดสรรหาเป้าหมายที่มีคุณค่า”

จาก 30 เป้าหมายที่มีนี้ ให้คุณเลือกให้เหลือแค่ 2 เป้าหมาย สำหรับแต่ละช่อง

หมายถึง เป้าหมายขนาดเล็ก ให้เลือกแค่ 2 เป้าหมาย กลาง 2 เป้าหมาย และใหญ่ 2 เป้าหมาย

ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ การทำเช่นนี้คือการคัดสรรหาเป้าหมายที่เราคิดว่า “สำคัญจริง ๆ” เพื่อให้เราได้โฟกัสกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ไม่ให้มีเป้าหมายมากจนเกินไป เพราะถ้ามีมากไปอาจจะทำให้สับสนและไม่โฟกัสได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การเลือกเป้าหมาย คุณอาจจะเลือกได้มากกว่า 2 หรือน้อยกว่า 2 ก็ได้ ไม่บังคับครับ ชีวิตนี้เป็นของคุณ คุณกำหนดเอง

ขั้นตอนที่ 4 ค้นหาเส้นทางสู่เป้าหมาย

เมื่อได้เป้าหมายที่มีคุณค่าจริง ๆ ออกมาแล้ว ขั้นตอนนี้อยากให้ทุกคนพิจารณาเป้าหมายเหล่านั้น แล้ววางแผนเลยครับว่า เราจะเดินทางไปถึงเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากอ่านหนังสือให้ได้ 10 เล่มในปีหน้า ดังนั้นเราต้องอ่านให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 เล่ม วางแผนแบบนี้เลยครับ และถ้าลงรายละเอียดไปได้อีกเช่น งั้นต้องอ่านทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมง แบบนี้เป็นต้น ซึ่งถ้าลงได้แบบนี้จริง ๆ ก็ให้ไปใส่ไว้ในปฎิทินได้เลยครับ

แต่บางเป้าหมายอาจจะไม่ได้เป๊ะขนาดนี้ แต่อย่างน้อยเราก็เริ่มจะสามารถวางแผน และมองเห็นเส้นทางสู่ความเป็นไปได้แล้วว่า เราจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง

ความจริงแล้วการตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างที่ผมบอกไว้ว่า เหมือนเราบอกว่าอยากไปเที่ยว แล้วเราก็กระโดดขึ้นรถเลย โดยไม่มีการวางแผนก่อนว่าจะไปไหน เราก็จะรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนอย่างที่เราเป็นในปีที่ผ่าน ๆ มา

แต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้ แล้วลงรายละเอียด มันก็ไม่ต่างกับการตั้งเป้าหมายว่าอยากจะเดินทางให้ถึงเชียงใหม่ จากนั้นรายละเอียดเราก็จะมาลงกันว่า ถ้าขับรถ จะแวะพักที่ไหน จะกินร้านอาหารอะไร แต่ถ้าจะบินไปจะต้องออกเดินทางเมื่อไหร่ จองตั๋วเมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ เป็นต้น

วิธีตั้งเป้าหมายแบบ S M L แบบนี้ผมได้เรียนรู้มานานมากแล้ว และชอบใช้ และชอบส่งต่อให้ทุกคนที่รู้จักได้ไปทดลองใช้ได้

อย่างน้อย ๆ วิ่งไปแบบมีทิศทาง ก็ยังจะดีกว่าการวิ่งวนไปวนมาเน๊อะ

ลองนำวิธีนี้ไปทดลองใช้กันครับ

Up Next:

โลกที่ไม่คุ้นชิน

โลกที่ไม่คุ้นชิน