กราฟเส้นที่แสดงอัตราการติดเชื้อของแต่ละประเทศที่ผมเชื่อว่าทุกคนเคยเห็นกันเป็นประจำ เส้นที่ปัจจุบันของไทยเป็นเส้นโค้งและกำลังแบนเรียบ
ไม่รู้ว่ามีใครเคยสังเกตไหม แต่ที่แกน Y ของกราฟโควิด19 นี้ วางตัวเลขไว้ไม่เหมือนกับปกติที่เราทำกราฟเส้นกันอยู่ทุกวัน
ปกติเราจะทำกราฟเส้นโดยจัดตัวเลขให้เติบโตในระยะเท่า ๆ กัน เช่น ทุก ๆ 1 ช่องจะเท่ากับ 100 ดังนั้นช่องที่ 2 ก็จะเป็น 200, 300, 400 ต่อไปตามลำดับ
ซึ่งวิธีการวาดแบบนี้เขาเรียกว่าเป็น Linear
แต่สำหรับกราฟเส้นโควิด19 นั้น เขาวางตัวเลขให้มีอัตราการเติบโตรวดเร็ว ขนาด x10 (คูณ 10) หรือที่เรียกว่า “Logarithmic” jak dziala kamagra na kobiete glory nights หรือ “Log Scale” จึงทำให้กราฟเส้นแกน Y มีตัวเลขดังนี้ 100, 1000, 10000
นั่นหมายความว่า 1 ช่องของด้านล่างเท่ากับ 100 ผู้ติดเชื้อ แต่อีกหนึ่งช่องถัดมา หมายถึง 1000 ผู้ติดเชื้อ
ทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น?
“Logarithmic” หรือ “Log Scale” นั้นใช้เมื่อต้องการแสดงให้เห็นตัวเลขที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด หรือ Exponential Growth ซึ่งเคยใช้กับการขยายพันธุ์ของสัตว์ และแน่นอนกับในเคสนี้คือ การระบาดของไวรัสโคโรน่า
แล้วทำไมจึงต้องใช้ Log Scale?
ลองนึกตัวเลขผู้ติดเชื้อของอเมริกา กับ ไทย ดู
แม้จะจำตัวเลขเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่เราจะรู้ว่าตัวเลขของอเมริกาโตไวกว่าไทยแน่นอนและสูงกว่ามาก ถ้าใช้กราฟเส้นแบบปกติ (Linear Scale)
ซึ่งนั่นจะทำให้คนในประเทศไทยไม่รู้สึกตื่นตัวใด ๆ ตรงกันข้ามอาจจะรู้สึกว่าเรามีผู้ติดเชื้อน้อยมาก และทำให้เราไม่ระวังเท่านั้นไม่พอ การวาดกราฟเส้นเช่นนี้จะทำให้เรามองเห็นภาพใหญ่ ถ้าประเทศที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือ Exponential Growth แล้วละก็ เส้นกราฟจะวิ่งพุ่งเป็นแนวทแยง ดังนั้น ไม่ว่าประเทศนั้นจะมีผู้ติดเชื้อมากหรือน้อย แต่ถ้าวิ่งไปในเส้นทางเดียวกันแล้วล่ะก็ แสดงว่ามีการเติบโตของจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และต้องทำการเฝ้าระวังให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ถ้าประเทศไหนเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง เส้นกราฟเส้นจะแบนราบลงเร็ว และเห็นได้ชัดกว่าการวางแบบ Linear ซึ่งนั่นให้ประชาชนเห็นภาพได้ง่ายขึ้นว่า การทำ social distance หรือการป้องกันที่ทำอยู่นั้นเริ่มจะได้ผลขึ้นมาจริง ๆ
แม้แต่กราฟเส้นที่ดูซีเรียสของหน่วยงานด้านสาธารณะสุขก็ยังมีซ่อนดีไซน์ที่พยายามสื่อสารให้คนหมู่มากได้เข้าใจได้ง่าย ๆ อยู่
